"ทรงผจญพญามาร"
เมื่อเหล่าเทพยดา พระอินทร์ พระพรหม ตลอดจนทวยเทพทุกสถานวิมานในจักรวาล ทราบด้วยญาณว่า พระบรมโพธิสัตว์มหาบุรุษทรงอธิษฐานพระหฤทัย ต่างมีความชื่นชมโสมนัส ส่งเสียงไชโย โห่ร้อง พนมกรสาธุการและพากันเหาะมาเฝ้าพร้อมถวายเครื่องสักการบูชา
ฝ่ายพญามารวัสวดี ต้องการที่จะขัดขวางการบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณของพระบรมโพธิสัตว์ จึงเรียกประชุมไพร่พลเหล่าเสนามาร สั่งให้แสร้งนิรมิตกายให้น่าสะพรึงกลัว พญามารวัสวดีประทับบนหลัง
ช้างคีรีเมขล์ อันเป็นคชสารพาหนะสูง ๑๕๐ โยชน์ นิรมิตร่างของตนให้สูงใหญ่ มีมือนับพันถือศาสตราวุธพร้อมสรรพ นำพลเหล่าเสนามารอันมีจำนวนประมาณมิได้ พากันตะโกนโห่ร้องเหาะเรียงรายกันมามืดฟ้ามัวดิน จนบรรดาเหล่าเทพยดาที่ถวายนมัสการพระบรมโพธิสัตว์ เกิดความเกรงกลัวพากันเหาะหนีไปจนหมดสิ้น
พญามารสั่งเหล่าไพร่พลให้ล้อมเขตรัตนบัลลังก์ไว้อย่างแน่นหนา
แต่พระบรมโพธิสัตว์มหาบุรุษแม้จะอยู่ลำพังเพียงพระองค์เดียว ก็มิได้สะดุ้งหวาดกลัว ด้วยมีพระบารมี ๑๐ ทัศ คอยคุ้มครอง
บารมี ๑๐ ทัศ
- ทานบารมี บำเพ็ญด้วยการให้สิ่งที่ควรให้
- ศีลลารมี บำเพ็ญศีลให้ครบบริบูรณ์
- เนกขัมมบารมี การออกจากกามซึ่งต้องบำเพ็ญให้ถึงที่สุด
- ปัญญาบารมี บำเพ็ญด้วยการไต่ถามจากผู้รู้
- วิริยบารมี บำเพ็ญด้วยการทำความเพียรอย่างถึงที่สุด
- ขันติบารมี บำเพ็ญด้วยการอดทนอดกลั้นอย่างถึงที่สุด
- อธิษฐานบารมี บำเพ็ญเด้วยการตั้งจิตไว้ให้มั่นคง
- สัจบารมี บำเพ็ญด้วยการรักษาวาจาสัตย์อย่างถึงที่สุด
- เมตตาบารมี บำเพ็ญด้วยการมีเมตตาอย่างถึงที่สุด
- อุเบกขาบารมี บำเพ็ญด้วยการวางเฉย คือมีใจเสมอกันไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือ ไม่ดี ไม่ว่าจะมีลาภหรือเสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ สรรเสริญ นินทา สุข ทุกข์
ครั้นพญามารเห็นการใช้วิธีข่มขู่มิได้สร้างความหวั่นไหวหรือสตุ้งหวาดกลัวให้เกิดขึ้นได้ จึงสั่งเหล่าไพร่พลซัดสาดศาสตราวุธเข้าใส่หมายทำอันตรายต่อพระบรมโพธิสัตว์ แต่ศาสตราวุธเหล่านั้นกลับกลายเป็นบุปผามาลัยบูชาพระองค์จนหมดสิ้น พญามารจึงไสพญาช้างคีรีเมขล์เข้าไปใกล้เขตโพธิมณฑล กวัดแกว่งสรรพอาวุธที่มีอยู่ในมือทั้งพันเพื่อแสดงเดชอำนาจแห่งตนพร้อมตะโกนประกาศก้องว่า
ดูกรสิทธัตถะราชกุมาร
รัตนบัลลังก์นี้เป็นของเรา เกิดขึ้นด้วยบุญเรา
ไพร่พลเสนามารนี้เป็นพยานได้ ดังนั้นท่านจงเร่งลุกออกไป
ฝ่ายพลมารเมื่อได้ยินดังนั้นจึงพากันส่งเสียงโห่ร้องรับสมอ้าง
พระบรมโพธิสัตว์มหาบุรุษ จึงเปล่งสีหนาทตอบว่า
ดูกรพญามาร รัตนบัลลังก์นี้เป็นของเรา
เกิดขึ้นด้วยบุญเราอันสั่งสมแต่ปางก่อน
พระธรณีเป็นพยานแห่งเรา
ดูกร..วสุนธรา (หรือแผ่นดิน หมายถึง พระแม่ธรณี)
นางจงมาเป็นพยานในการบำเพ็ญกุศลของอาตมาในกาลบัดนี้ด้วยเถิด
ทันใดนั้นแม่พระธรณีได้ปราฏกกายขึ้นกระทำอัญชลีถวายอภิวาทต่อพระบรมโพธิสัตว์ แล้วเปล่งวาจาประกาศเป็นพยานในการบำเพ็ญมหากุศลของพระองค์ แม้แต่เพียงน้ำตรวจอุทิศที่นางเอามวยผมรองรับไว้บนเศียรเกล้า ก็มีมากพอจะนำมาเป็นหลักฐานพยานได้ เมื่อกล่าวแล้วนางวสุนธราจึงปล่อยมวยผมบีบน้ำตรวจอุทิศผลมหากุศลที่พระบรมโพธิสัตว์ทรงสะสมไว้แต่อเนกชาติ คือจำนวนมากมายหลายชาติเหลือที่จะนับได้ให้ไหลออกมาท่วมนองไปทั่วบริเวณ ยกเว้นเขตรัตนบัลลังก์
เหล่าไพร่พลเสนาทั้งหลายและพญามารวัสวดีมิอาจดำรงอยู่ ณ ที่นั้นได้ ถูกกระแสน้ำพัดพาไปจนสุดขอบจักรวาล พญามารเห็นอานุภาพแห่งบารมีของพระบรมโพธิสัตว์ดังนั้นเกิดความสะดุ้งหวาดกลัว ยกมือขึ้นประนมถวายนมัสการยอมรับความปราชัยแล้วเหล่ากองทัพมารทั้งหลายก็อันตรธานหายไป พระบรมโพธิสัตว์ทรงมารวิชัย คือ มีชัยต่อเหล่ามาร ตั้งแต่เวลาเย็นพระอาทิตย์ยังมิทันอัสดงคตด้วยพระบารมีทรง |